Galerientage: ศิลปะ ผู้คน และดนตรี (#1)

9.5.2014
         ฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ พลางอ่านป้ายโฆษณาที่แปะตามข้างฝาไปเรื่อย ภาษาเยอรมันถือเป็นเรื่องใหม่ในชีวิตที่ต้องทำความคุ้นเคย ขณะที่มองผ่านไปมาสายตาก็พลันไปสะดุดกับแผ่นป้ายสีเขียวอมฟ้า คำว่า Galerientage ไม่ต้องเปิดพจนานุกรมก็พอจะเดาออก ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคำว่า Gallery ฉันถ่ายภาพป้ายนั้นเก็บไว้

เมื่อกลับถึงที่พัก ฉันรีบตามหาเว็บไซต์ที่ระบุไว้ในป้าย เมื่อดูรายละเอียด ฉันพบชื่อแกลอรี่ที่ไม่คุ้นตาหลายชื่อ พร้อมแผนที่แสดงตำแหน่งภายในตัวเมืองกราซ (Graz) เมืองที่ซึ่งฉันเพิ่งเข้ามาทำความรู้จักได้เพียงเดือนเศษ งานศิลปะร่วมสมัยตามแกลอรี่ต่าง ๆ กว่ายี่สิบแห่งทั่วเมือง เปิดให้เข้าชมฟรีเป็นเวลา 3 วัน ฉันพลาดวันแรกไปแล้ว แต่อีกสองวันถัดไปยังพอมีเวลา

10.5.2014             
วันแห่งแกลอรี่ เริ่มต้นที่ซุปมะเขือเทศ...

           ถือเป็นเช้าวันเสาร์ที่อากาศสดใส ฉันเดินเตร่ไปแถวตลาด farmer market เพื่อหาอะไรใส่ท้อง แล้วมุ่งหน้าไปยังแกลอรี่แห่งแรกตามแผนการที่วางไว้ อันที่จริงแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อินกับ contemporary art ขนาดนั้น แต่ความอยากเปิดหูเปิดตา บวกกับความอยากสัมผัสตัวเมืองในส่วนที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตบ้าง และอาจจะบวกกับความอยากหาอะไรทำฆ่าเวลาในวันหยุดแบบไม่ต้องหมกตัวอยู่ในห้อง ทำให้ฉันมายืนอยู่ตรงหน้าแกลอรี่แห่งแรก

… at  <Rotor>; “Measures of Saving the World_Part 5

           รู้ตัวอีกทีฉันก็ยืนจ้องขวดอะไรซักอย่างที่หน้าตาเหมือนขวดแยม มีลายมือเขียนลวก ๆ แปะไว้ข้างขวดว่ามันคือ Stoyanov’s special tomato product เอาล่ะ ฉันรู้สึกว่าใครก็ตามที่จัดแสดงงานในส่วนนี้นี่ช่างชาญฉลาดเอามาก ๆ ที่ดัดแปลงทางเดินแคบ ๆ ให้กลายเป็นเหมือนห้องนั่งเล่น ที่มีเรื่องราวของซุปมะเขีอเทศอยู่ตามกำแพง คุณแค่เดินผ่านเข้าประตูเข้ามา หันไปด้านซ้ายจะพบโซฟาน่านั่ง พร้อมหูฟังบนโต๊ะ ส่วนเจ้าขวดที่ตั้งโดด ๆ บนหิ้งเล็ก ๆ ที่ดึงดูดสายตา ก็คือขวดที่ฉันได้มายืนจ้องอยู่นี่แหละ ส่วนบนกำแพงถัดไปมีทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ที่ฉันดูแล้วก็เข้าใจว่า “อ่อ นี่ลงทุนปลูกมะเขือเทศเพื่อมาทำซุป 1 ขวดเหรอ” แต่เมื่อฉันอ่านป้าย ก็ได้ความกระจ่างว่าเจ้าของงาน (Kamen Stoyanov) ตั้งใจจะดัดแปลงเกม Farmville เกมปลูกผักยอดฮิตในโลกออนไลน์ให้กลายเป็นของจริง ฉันผู้ซึ่งคุ้นเคยว่างานศิลปะคือภาพวาด ก็ได้แต่ร้องโอ้โหในใจ จะว่าพิลึกก็ใช่ แต่ก็ทึ่งในไอเดียมากเช่นกัน ตัวเจ้าของงานเองก็คงสนุกสนานกับงานนี้มาก ถึงขั้นแต่งเพลงสนุก ๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ครั้งนี้ไว้เลยทีเดียว  :)




… at Mariahilferkirche; “JA JA JA, NEIN NEIN NEIN! Sprachbilder

เมื่อการเริ่มต้นน่าประทับใจ ก็ส่งผลทำให้การเข้าชมแกลอรี่ต่อ ๆ ไปมีความสนุกสนาน หลังจากร่ำลากับผู้ดูแลนิทรรศการผู้มีอัธยาศัยไมตรีอันดีงามสุด ๆ ฉันออกเดินมุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณใจกลางเมือง แวะเสพงานศิลป์ร่วมสมัยในโบสถ์แห่งหนึ่ง ที่บรรยากาศดูเหมือนงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ของผู้นิยมศิลปะร่วมสมัย ด้วยมีขนมและเครื่องดื่มไว้บริการ บรรดาแขกเหรื่อยืนจิบไวน์ พลางสนทนากันชิลล์ ๆ ฉันนึกในใจว่า Werner Hofmeister เจ้าของผลงานในนิทรรศการที่นี่น่าจะมีชื่อเสียงพอตัว ฉันเดินดูงาน verbal image ของเขาแบบเพลิน ๆ บางอันก็ตีความพอได้ บางอันก็นึกอะไรไม่ออก แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกสนานใช้ได้ 



… at Atelier Contemporary; “For your information II”

ฉันแวะเข้าแกลอรี่ที่ดูคล้ายจะเป็นจุดบริการข้อมูล เนื่องจากมันมีขนาดแค่ 1 ห้องแถว 1 ชั้น ไม่มีบันได หรือซอกหลืบใด ๆ ซ่อนอยู่ (ที่รู้เพราะพยายามหาดูจนทั่วแล้ว) แล้วก็ชื่อนิทรรศการ “For your information II” นี่แหละที่พาสับสน ฉันถ่ายภาพกล่องไฟสามสี (cyan, magenta, yellow) ไว้เป็นที่ระลึก แล้วก็ออกเดินต่อ


... at Reinisch Contemporary; "Dazzling Array"

              อีกหนึ่งอึดใจ ฉันก็มายืนอยู่หน้าเจ้างานประติมากรรมลวดดัดรูปลูกบาศก์เบี้ยว ๆ ที่มีผ้า และเส้นด้ายหลากสีขึงอยู่ ฉันว่ามันดูมีเสน่ห์น่าค้นหา เพราะความไม่สมบูรณ์แบบของมันนี่แหละ ในแกลอรี่นี้ยังจัดแสดงงานศิลป์อีกหลายแบบ ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ภาพกราฟฟิค ฯลฯ ฉันรู้สึกได้เปิดหูเปิดตาทางศิลปะขึ้นมาอีกนิดหน่อย 


ภายนอกแกลอรี่คือลานน้ำพุ หน้าศาลาว่าการเมือง (Rathaus) ที่กำลังจัดงานออกร้านขายของทำมือเนื่องในโอกาส Muttertag หรือวันแม่แห่งชาติของชาวออสเตรียพอดี แถมมีดนตรีกึ่งพื้นเมืองกึ่งร่วมสมัยขับกล่อม ทำให้บรรยากาศงานอบอุ่น น่าเดินเล่นสุด ๆ แต่ฉันก็ต้องอดใจไม่ซื้ออะไรติดมือกลับไป เพราะเพิ่งเสียเงินให้ตลาดเทศกาลอีสเตอร์ที่เพิ่งผ่านมาหมาด ๆ ฉันเดินข้ามทางรถราง ผ่านร้านค้าต่าง ๆ เข้าสู่บริเวณ old town และเริ่มดำเนินการตามแผนการเข้าชมแกลอรี่อีก 6 แห่งในย่านนี้ อันที่จริงแกลอรี่แต่ละแห่ง ล้วนอยู่ในเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาแล้วแทบทั้งสิ้น ทว่า ฉันไม่เคยสังเกตเห็นมัน เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับสิ่งอื่นมากกว่า



… at Galerie Grazy; “Earth & Copyright”

                เรื่องที่ทำให้ใจเต้นเริ่มขึ้น เมื่อฉันตามป้ายบอกทางเข้าไปในตรอก ๆ นึง แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ ตรอกก็ยิ่งแคบลง ๆ จนกระทั่งฉันเห็นผู้ชายมาดเซอร์ไว้หนวดเครา นั่งสูบบุหรี่ขวางตรอกอยู่ ฉันหยุดกึก แหงนหน้าดูป้ายเพื่อความชัวร์ ก้าวขาไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว แต่ในใจคิดไปแล้วว่า กลับเหอะ! วินาทีที่กำลังจะหันหลัง ชายคนนั้นก็หันมาทักทายแบบเฟรนลี่ที่สุดเท่าที่หน้าตาและทรงผมจะเอื้ออำนวย ฉันเลยถึงบางอ้อว่า ตาคนนี้นั่งอยู่ตรงทางเข้าห้องจัดแสดง และคงเป็นหนึ่งในศิลปินเจ้าของงาน
ห้องจัดแสดงถูกสร้างขึ้นด้วยการก่ออิฐฉาบปูนอย่างง่าย ๆ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน งานศิลปะในนั้นให้อารมณ์แบบวัยรุ่น ที่แม้งานจะไม่เนี้ยบ แต่มีความดิบ และอัดแน่นไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ถ้าให้เปรียบกับดนตรี ก็จะนึกถึงงาน demo ที่เต็มไปด้วยความสดใหม่ และไม่มีใครเหมือน 



เวลาล่วงเลยมาถึงตอนบ่ายแก่ ๆ ฉันเดินเข้าออกแกลอรี่ไปอีก 5 แห่ง เป็นวันแรกในรอบหลายเดือน หรืออาจจะหลายปี ที่ได้ใช้งานสมองซีกขวาอย่างเต็มที่ และได้เปิดใจให้สนุกไปกับความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินมากหน้าหลายตาที่ฉันไม่เคยรู้จัก เมื่อเดินดูไปเรื่อย ๆ ก็พบเจอกับความแปลกใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ มีทั้งความหลากหลาย การผสมผสาน จินตนาการ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีงามครั้งหนึ่งในชีวิต


… at Kunstlerhaus – Halle fur Kunst & Medien; Words as Doors – in Language, Art, Film

แกลอรี่แห่งสุดท้ายของวันนี้ อยู่ไกลออกมาจากบริเวณ old town ก่อนที่ความเมื่อยล้าจะเริ่มมาเยือน ฉันก็สาวเท้ามาถึงหน้าประตูทางเข้าพอดี เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็พบกับพนักงานต้อนรับท่าทางยิ้มแย้ม เชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปในห้องจัดแสดง พร้อมหยิบยื่นเอกสารประกอบนิทรรศการให้ และอธิบายคร่าว ๆ ฉันกล่าวขอบคุณเธอ แล้วผลักประตูอีกบานเข้าไปยังโถงใหญ่ งานศิลป์ในนี้มีความเกี่ยวข้องกับถ้อยคำ และภาษาของภาพยนตร์ อุปสรรคสำคัญในการชมงานนี้คือ ฉันยังแปลภาษาเยอรมันยาก ๆ ไม่ออก น่าเสียดายมากที่อยากจะเข้าใจแต่ดันมีกำแพงภาษามากั้น ฉันก็เลยได้แต่เก็บไอเดียการจัดวางงาน installation ต่าง ๆ เผื่อว่าสักวันนึงอาจมีโอกาสได้หยิบไปใช้ 



เหลืออีกชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนจะถึงเวลาปิดแสดงในวันนี้ ฉันยุติการตระเวนแกลอรี่ของวันนี้ไว้ก่อน ให้แข้งขาได้พักผ่อน ให้สมองได้ตกตะกอนความคิด และเก็บแรงไว้เผื่อพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน 










No comments:

Post a Comment